Category: NEWS

3 ยอดนักบิด สู่ 4 ล้อทางเรียบ!!

นักแข่งของรายการ Thailand Super Series นั้น มีหลายท่านเคยผ่านการแข่งขันประเภทอื่นๆมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Drag, Rally, Kart รวมถึงการแข่งขันประเภท 2 ล้อ แอดจะพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงผลงานของทั้ง 3 ท่าน ในรูปแบบ 2 ล้อของพวกเขากัน ว่าแต่ละคนผ่านอะไรกันมาบ้าง

ริ่มต้นด้วยลูกพี่ใหญ่ของวงการ “พี่วัว ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ” เจ้าของฉายา “Mad Cow”จุดเริ่มต้นบนเส้นทางความเร็วโดยเริ่มจากการแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบ กระทั่งคว้าแชมป์ที่มาเก๊า และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งฉายา “Mad Cow” ได้มาตั้งแต่การแข่งรถจักรยานยนต์ เพราะใช้ใจในการแข่ง และทุกครั้งต้องไปให้สุด

ย้อนไปเมื่ออายุ 12 ปี “พี่วัว” ได้เริ่มลงแข่งขันมอเตอร์ไซค์วิบากครั้งแรกแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง การลงแข่งครั้งนี้ทำให้พี่วัวได้เรียนรู้ถึงการเตรียมตัว และเตรียมความพร้อม ต่อมาได้ลงทำการแข่งขันเป็นครั้งที่ 2 พี่วัวสามารถทำผลงานได้เป็นอันดับที่ 3 ต่อมาในปี 1977 คุณอา วิชาญ ชัยทอง ซึ่งคุณอาเคยเป็นนักแข่งรถมาก่อน และเป็นช่างเครื่องที่เก่งมีความสามารถ ได้ให้โอกาสไปลองขี่ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ จนพี่วัวได้เข้าสังกัดทีม SUZUKI

จนถึงปี 1981 ได้ย้ายมาสังกัดกับทีม HONDA จนมาในปี 1984 ได้ย้ายสังกัดมาอยู่กับทีม KAWASAKI เรื่อยมาจนได้เปลี่ยนจากรถจักรยานยนต์วิบากเป็น รถจักรยานยนต์ทางเรียบและได้ลงแข่งขันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้มีโอกาสลงแข่งขันที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น และมาเก๊า

พี่วัวลงทำการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบที่มาเก๊าครั้งแรกในปี 1987 ในรุ่น 400 CC ต่อมาในปี 1988 ได้ขยับมาขี่รุ่น 600 CC จนกระทั่งปี 1989 ได้ขยับขึ้นมาในรุ่น 750 CC ซึ่งในตอนนั้นถือว่าเป็นรุ่นใหญ่ และพี่วัวสามารถคว้าแชมป์ Macau Grand Prix Superbike มาครองได้สำเร็จ และสามารถคว้าแชมป์ได้อีกถึง 2 ครั้งในปี 1991 และ 1993 ถือเป็นการอำลาการแข่งขันรถจักรยานยนต์ได้อย่างงดงาม

หลังจากนั้นจึงได้ผันตัวสู่การแข่งขันรถยนต์มาจนกระทั่งในปัจจุบันเหตุผลที่เลิกแข่งพี่วัวได้บอกว่า ก็เพราะด้วยวัยที่มากขึ้น และอยากสร้างนักแข่งรุ่นใหม่ขึ้นมาในวงการ 2 ล้อ รวมทั้งเรื่องของความปลอดภัยจึงตัดสินใจลงทำการแข่งขันรถยนต์แทน

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก รายการ ปั๊มถาม-น้าเบ๊ดตอบ!, http://www.xo-autosport.com/ และ MaxTV Podcast

หลังจากที่เราทราบถึงผลงานของ “พี่วัว ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ” ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์กันแล้ว วันนี้แอดมีอีก 1 หนุ่มขวัญใจสายดีเซลที่เคยฝากฝีไม้ลายมือในการแข่งขันรถจักรยานยนต์มาแนะนำทุกท่านครับ เขาคนนั้นคือ “โต้ง ธนวัฒน์ สุวรรณรัตน์” หรือที่หลายๆ คนเรียกเค้าว่า “โต้ง สตั้น

จุดเริ่มต้นบนเส้นทางมอเตอร์สปอร์ตของ โต้ง สตั้นมาจากการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบตั้งแต่อายุเพียง 12 ปี

จนสามารถขึ้นมาอยู่ใน Class B จึงหันมาขับโมโตครอส รุ่นมือใหม่

และได้ตระเวนแข่งตามจังหวัดต่างๆ ทว่าในช่วงระหว่างนั้นโต้งเริ่มมีความสนใจในเรื่องของรถยนต์เหมือนกัน

จึงได้เริ่มทำรถเพื่อลงทำการแข่งขันจนวันหนึ่ง ราวปี 2012 ได้รับการชักชวนจาก “ตั้ม Pro Speed” ในโปรเจคการทำรถแข่ง

จึงได้ตัดสินใจลองทำรถกระบะขึ้นมาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งลงแข่งครั้งแรกสามารถคว้าอันดับที่ 1-2 ได้สำเร็จ

หลังจากนั้นได้แข่งขันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี 2016 “โต้ง สตั้น” ก็สามารถคว้าแชมป์ประจำปีในรายการ Thailand Super Series รุ่น Thailand Super Pick Up Overall และ Class B มาได้อย่างน่าประทับใจ

หากกล่าวถึงนักแข่งที่เคยฝากผลงานไว้ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์อีก 1 คนที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ “ฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์” น้องใหม่ของรายการ Thailand Super Series แต่ว่าเป็นมือระดับพระกาฬของวงการ 2 ล้อก็ว่าได้

“ฟิล์ม รัฐภาคย์” บุตรชายคนโตของ “คริสมาส วิไลโรจน์” อดีตนักแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบ
เขาเริ่มขับมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่อายุ 5 ปี โดยได้แชมป์การแข่งขันรถจักรยานยนต์โมโตครอส 50 CC รุ่นอายุไม่เกิน 10 ปี ในปี 1997 ฟิล์มได้เข้าร่วมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศญี่ปุ่น รายการ All Japan Road Racing Championship ในปี 2003 และ 2004 ในรุ่น 125 CC ต่อมาในปี 2005 และ 2006 ลงทำการแข่งขันในรุ่น 250 CC และ “ฟิล์ม”เป็นนักแข่งในสังกัดทีมฮอนด้า จากสถิติในการแข่งขันดังกล่าว “ฟิล์ม” จึงได้รับสิทธิ์จากสมาพันธ์กีฬาแข่งรถจักรยานยนต์ประเทศญี่ปุ่น ให้เข้าร่วมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก World Grand Prix 2006 เมื่อเดือนกันยายนปี 2006 โดยสามารถเค้าเข้าเส้นชัยได้ในลำดับที่ 10 จากนักแข่งทั้งหมด 32 คน

ต่อมาในปี 2007 “ฟิล์ม” ได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รุ่น 250 CC ตลอดฤดูกาลสามารถทำคะแนนสะสมไปได้ 30 คะแนนจาก 18 สนาม มาเป็นอันดับที่ 17 ของการแข่งขัน “ฟิล์ม”เป็นนักแข่งในสังกัดทีม Thai Honda-PTT-SAG และในปีเดียวกันนั้น “ฟิล์ม” ยังได้รับรางวัลนักกีฬาอาชีพยอดเยี่ยมประจำปี 2550 จากการกีฬาแห่งประเทศไทย เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2550

จนกระทั่งฤดูกาล 2010 สมาพันธ์รถจักรยานยนต์นานาชาติ (FIM) ได้ยกเลิกการแข่งขันรุ่น 250 CC และได้เปลี่ยนเป็นการแข่งขันที่ใช้ชื่อว่า “MOTO 2” โดยกำหนดรถที่เข้าทำการแข่งขันนั้นให้ใช้เครื่องยนต์มาตรฐานขนาด 600 CC และ ซึ่ง“ฟิล์ม” ก็ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าอันดับที่ 4 ที่ ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์มาได้

ต่อมาในฤดูกาล 2014 “ฟิล์ม” ได้ตัดสินใจลงแข่งขันรายการ World Superbike รุ่น World Super Sport 600 CC ซึ่งสนามสุดท้ายที่ Losail International Circuit ประเทศกาตาร์ “ฟิล์ม” ทำผลงานได้อย่างประทับใจ จบการแข่งขันเป็นอันดับที่ 2 ถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ขึ้นโพเดียมรายการระดับโลก เมื่อรวมคะแนนทั้งฤดูกาลแล้ว “ฟิล์ม” รั้งมาในอันดับที่ 9

จากนั้นในปี 2015 “ฟิล์ม” ได้สร้างความประทับใจสำหรับคนไทยอีกครั้ง โดยเค้าสามารถคว้าแชมป์ World Superbike ในรุ่น World SuperSport 600 CC ในสนาม Chang International Circuit มาได้ ซึ่งถือเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย เพราะเค้าถือเป็นนักบิดไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลกในบ้านเกิดตัวเอง 

มาในปี 2021 เค้าจะกลับมาอีกครั้งในฐานะนักแข่งรายการ Thailand Super Series รุ่น Thailand Super Compact 

“ฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์” เตรียมความพร้อมที่จะลงแข่งขันรายการ Thailand Super Series รุ่น Thailand Super Compact 

+++ประกาศรับสมัคร+++

+++ประกาศรับสมัคร+++
Racing Spirit-
กำลังหาผู้ร่วมงานในทีมบัญชีการเงิน จำนวน 2 คน

Qualifications
– คนรุ่นใหม่ไฟแรง
– ประสบการณ์ 1-3 ปี (บัญชี)
– ใช้ Express ได้จะพิจารณาเป็นพิเศษ
– ออกหน้างานต่างจังหวัดได้ส่ง CV

สมัครมาที่ : patchalit@racingspirit.co.th

ภาพยนตร์เรื่อง Ford v Ferrari

เข้าสู่ในช่วงล็อคดาวน์กันอีกครั้ง แอดเชื่อว่าหลายๆ คนกำลังหากิจกรรมทำในช่วงระหว่าง Work from home วันนี้แอดมีภาพยนตร์เรื่อง Ford v Ferrari มาแนะนำทุกท่านให้ชมเพื่อเป็นน้ำจิ้มก่อนที่ภาพยนต์ Fast and Furious 9 นั้นจะเข้าฉาย แต่ทว่าต้องมีอันเลื่อนออกไปอีกครั้ง

Ford v Ferrari ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงที่เกี่ยวกับกีฬามอเตอร์สปอร์ตอีกหนึ่งเรื่องซึ่งอิงประวัติศาสตร์ในยุค 60 เป็นการแข่งขันเพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์ นั่นคือ ฟอร์ด (Ford) จากฝั่งอเมริกา และ ค่ายยานยนต์เจ้ายักษ์ในอิตาลีอย่าง เฟอร์รารี่ (Ferrari) ในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระดับโลกอย่าง เลอม็องส์ (Le Mans) ในปี 1966

ทำให้เรื่องนี้ต้องถึงมือของ Ken Miles (รับบทโดย Christian Bale) นักแข่งและนักทดสอบรถชาวอังกฤษเลือดร้อนมากฝีมือ และ Carroll Shelby (รับบทโดย Matt Damon) อดีตแชมป์เลอม็องส์ที่ผันตัวมาเป็นวิศวกรออกแบบรถแข่ง ทั้ง 2 เข้ามารับหน้าที่ดูแล และพัฒนาเจ้าม้าเหล็กอย่าง Ford GT40 ตำนานรถแข่งที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้ Ford จนเป็นที่รู้จักในวงการมอเตอร์สปอร์ตและขยายฐานความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้

เขาทั้งสองต้องร่วมกันฝ่าฟันทั้งการแทรกแซงขององค์กรใหญ่ และกฎของฟิสิกส์เพื่อชิงตำแหน่งเจ้าความเร็วกับการแข่งขันสุดหฤโหดอย่าง Le Mans

มารอชมกันว่าเขาทั้งคู่ต้องข้ามผ่านอะไรบ้างกว่าที่จะคว้าความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในเวลานั้นมาได้ แอดเชื่อว่า Ford v Ferrari จะเป็นภาพยนตร์ที่ให้แรงบันดาลใจกับทุกคนได้แน่นอน ไม่ใช่แต่เฉพาะแฟนๆชาวมอเตอร์สปอร์ตไม่ควรพลาดเท่านั้น แต่แอดอยากให้ทุกคนที่กำลังวิ่งตามความฝันของตัวเองไปสัมผัสเรื่องราวของพวกเขากันครับ

TSS Library เส้นทางสู่ Formula 1 ที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทางเรียบ

How to become a Formula 1 Driver เส้นทางสู่ Formula 1 ที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทางเรียบ นักแข่ง, ชาวมอเตอร์สปอร์ต หรือผู้ที่หลงใหลในความเร็วทุกคนคงมีความฝันสูงสุดที่เหมือนกันคือ การเป็นนักแข่ง Formula 1 เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการแข่งขัน Formula 1 คือที่สุดของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตทางเรียบ ซึ่งถือเป็นการแข่งขันรถยนต์สี่ล้อที่ใช้ต้นทุนมหาศาล กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/how-to-become-a-formula-1-driver-เส้นทางสู่-formula-1-ที่สุดข/(opens in a new tab)

TSS Library ความแตกต่างของรถ Formula ระหว่าง F3 กับ F4

ความแตกต่างของรถ Formula ระหว่าง F3 กับ F4 วันนี้เรามาดูข้อมูลจำเพาะของรถแข่งประเภทนี้กัน กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/ความแตกต่างของรถ-formula-ระหว่/

TSS Library ทำความรู้จักกับสนาม Brands Hatch

ทำความรู้จักกับสนาม Brands Hatch ก่อนส่งแรงเชียร์ไปให้ “น้องเติ้น ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์” สนาม Brands Hatch ตั้งอยู่ในเมือง Kent ของประเทศอังกฤษ มีโครงสร้างสนามอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน นั่นคือ “Brands Hatch Indy Circuit” มีระยะทาง 1.928 กิโลเมตร (1.198 ไมล์) กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/red-bull-ring-ถิ่นกระทิงดุ

TSS Library Red Bull Ring ถิ่นกระทิงดุ

หลังจาก Formula 1 มีการแข่งขันที่ Circuit Paul Ricard เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายนผ่านมานั้น ทำเอาสาวกรถสูตรหนึ่งลุ้นกันแบบหายใจรดต้นคอ ใจจดใจจ่อแบบนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เป็นผลให้หลายๆ คนตั้งหน้าตั้งตารอการแข่งขัน Formula 1 กดอ่านต่อตามลิงค์นี้ได้เลย…https://www.thailandsuperseries.net/red-bull-ring-ถิ่นกระทิงดุ

ท็อป ธนาตย์ เสถียรถิระกุล

“ท็อป ธนาตย์ เสถียรถิระกุล” ทายาทอดีตนักแข่งรถของไทย “มงคล เสถียรถิระกุล” หนุ่มที่รักการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ

เริ่มหัดขับรถโกคาร์ทตั้งแต่อายุ 9 ปี มาในปี 2003 “ท็อป” ลงทำการแข่งขันในประเทศไทยครั้งแรก หลังจากนั้นได้กวาดรางวัลทั้งในและนอกประเทศมาจนนับไม่ถ้วนจนสามารถครองอันดับที่ 8 ของโลกในการแข่งขันโกคาร์ท 2011 ได้

กระทั่งอายุได้ 19 ปีจึงตัดสินใจลงแข่ง Formula Renault Northern European Championships 2012 และ 2013 รวมทั้งรายการ Formula Master China 2013 อีกด้วย

หลังจากนั้นในปี 2014 จึงตัดสินใจก้าวมาสู่การแข่งขัน Formula 3 จนถึงปี 2016

มาในปี 2021 นี้ “ท็อป” จะลงทำการแข่งขันในรายการ Thailand Super Series ซึ่ง “ท็อป” ได้บอกกับแอดถึงความแตกต่างระหว่างรถล้อปิดและรถล้อเปิดว่า “ความรู้สึกที่เห็นได้ชัดนั้นก็คือ Downforce จาก Aero Kit เเละความไวของพวงมาลัย”

รถแข่งล้อเปิดสามารถตั้ง Camber ได้เยอะกว่าค่อนข้างมาก เวลานั่งล้อเปิดเรานั่งตํ่ามาก ทำให้เราสามารถที่จำจังหวะได้ดีกว่า เเล้วก็เข้าโค้งได้เร็วกว่าพวกล้อปิด

สามารถติดตามข่าวสารของวงการมอเตอร์สปอร์ตได้ทาง Facebook Fanpage : Thailand Super Series

“บูม กันตธีร์ กุศิริ”

“บูม กันตธีร์ กุศิริ” หนึ่งในนักแข่งมากความสามารถของทีม AAS Motorsport เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่เคยลงทำการแข่งขัน และฝากผลงานรถล้อเปิดให้กับชาวมอเตอร์สปอร์ตไทยมาแล้ว

หนุ่มมาดเข้มคนนี้เริ่มขับรถคันแรกตอนที่เขาอายุ 10 ปี โดยมีคุณพ่อของเขาเป็นคุณครูคนแรก “บูม” ลงสนามแข่งครั้งแรกเมื่อเขาอายุ 13 ปี หรือประมาณปี 2007 เพื่อฝึกฝนและพัฒนาฝีมือมาเรื่อยๆ

กระทั่งปี 2010 ที่เค้าตัดสินใจลงทำการแข่งขันอย่างจริงจังจนสามารถคว้าแชมป์ประจำปีมาครองได้สำเร็จ และนี่เองเป็นจุดเริ่มต้นบนเส้นทางความฝันสายมอเตอร์สปอร์ตของเขา

มาในช่วงปี 2015-2016 “บูม” ลงทำการแข่งขัน Formula3 ในรายการ EURO FORMULA OPEN นำผลงานที่น่าประทับใจให้กับสาวกมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ดังนี้ อันดับ 3 Rookies ที่สนาม Spa-Francorchamps ประเทศเบลเยี่ยม, อันดับ 2 Rookies ที่สนาม Catalunya ประเทศสเปน และอันดับ 5 Overall ที่สนาม Silverstone ประเทศอังกฤษ

ผลงานที่น่าประทับใจ อันดับ 3 Rookies ที่สนาม Spa-Francorchamps ประเทศเบลเยี่ยม

ผลงานที่น่าประทับใจ อันดับ 2 Rookies ที่สนาม Catalunya ประเทศสเปน

สำหรับในปี 2021 นี้ “บูม” จะลงทำการแข่งขันในรายการ Thailand Super Series ในรุ่นใดนั้นสามารถติดตามกันได้ทาง Facebook Fanpage : Thailand Super Series

แซนดี้ เคราแก้ว สตูวิค กับรถ Formula แบบล้อเปิด

หากพูดถึงที่สุดของการแข่งขันรถยนต์คงจะหนีไม่พ้นการแข่งขัน Formula 1 ซึ่งถือเป็นความฝันอันสูงสุดของนักแข่งทุกคนแน่นอน แต่จะมีซักกี่คนที่เดินทางตามเส้นทางความฝันในการแข่งขันรถล้อเปิดไม่ว่าจะเป็น Formula 4, Formula 3, หรือ Formula 2 ก็ตาม วันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับนักแข่งที่ทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงได้บนเส้นทางรถล้อเปิดกัน..

เริ่มต้นกันที่นักแข่งหนุ่มหล่อที่ชาวมอเตอร์สปอร์ตรู้จักกันเป็นอย่างดี นั่นคือ แซนดี้ สตูวิค หนุ่มลูกครึ่งไทย-นอร์เวย์ ที่คว้าตำแหน่งแชมป์ประจำปีของรายการ Thailand Super Series ในรุ่น Thailand Supercar GT3 ของปี 2019 และปี 2020 มาได้ถึง 2 ปีซ้อน แซนดี้เริ่มขับรถครั้งแรกเมื่อเขาอายุได้เพียง 4 ปีเท่านั้น โดยเริ่มต้นจากโกคาร์ทจน และลงแข่งขันครั้งแรกเมื่อเข้าอายุ 6 ปี แซนดี้สามารถคว้าที่ 3 มาครองได้อย่างไม่คาดคิด เมื่อแซนดี้อายุได้ 13 ปี เขาได้รับชัยชนะจากการแข่งขัน Asian Karting Championship และคว้าถ้วยรางวัลในเมืองไทยมาครองมากมาย 

นั่นคือจุดเปลี่ยนให้เขาขยับขึ้นสู่ระดับฟอร์มูล่าอย่างจริงจัง เมื่อย่างเข้า 15 ปี แซนดี้ได้เข้าร่วมการแข่งขัน Asian Formula Renault 2010 โดยมีโค้ชชาวฝรั่งเศส ฟิลิป เดคองเบ้ (Philippe Descombes) ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ Formula 3 ทำหน้าที่ครูฝึก แซนดี้ถือเป็นนักแข่งที่อายุน้อยที่สุดแห่งทำเนียบที่สามารถคว้าแชมป์ Asian Formula Renault 2010 มาครอง โดยเป็นคนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์นี้ได้สำเร็จ

ต่อมาแซนดี้ได้ตัดสินใจเข้าแข่งขันใน Formula Renault Euro Cup 2011 ถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้เข้าร่วมในซีรีส์ดังกล่าวสิ้นสุดฤดูกาลเขาคว้าอันดับที่ 28 มาครอง

ในปี 2012 เขามุ่งมั่นในการแข่ง Formula Renault Northern European Cup เขาได้เข้ารับการฝึกความพร้อมของทั้งร่างกายและจิตใจ จาก เฮลมุท ฟิงค์ (Helmut Fink) เทรนเนอร์ส่วนตัวชื่อดังที่เคยฝึกบรรดานักขับ F1 หลายคนมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น S. Vettel, N. Heidfeld, C. Fisichella, HH. Frentzen, F. Massa, S. Buemi และ B. Senna 

นอกจากนี้แซนดี้ยังมีโอกาสร่วมงานกับอดีตนักขับทดสอบ Formula 1 ซึ่งปัจจุบันเป็นนักขับ LMP1 อย่าง นีล จานี มาเป็นโค้ชส่วนตัว เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพของแซนดี้ให้แข็งแกร่งมากขึ้นสิ้นสุดฤดูกาลแซนดี้สามารถไต่ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 14 ซึ่งสามารถเห็นพัฒนาการและความก้าวหน้าจากปี 2011 ของผู้ชายคนนี้ได้อย่างชัดเจน

ในปี 2013 แซนดี้ลงชิงชัยในการแข่งขัน European Formula 3 open ที่ยุโรป ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นที่น่าภาคภูมิใจแก่ประเทศไทยคว้าตำแหน่งรองแชมป์มาได้เป็นผลสำเร็จ แต่แซนดี้ยังมีอนาคตอีกไกล เส้นทางความฝันในวัยเด็กของเขาที่อยากจะไปสู่ Formula 1 มีความหวังมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแซนดี้ได้มีโอกาสไปทดสอบ GP2 Testing ช่วงปลายปี 2013 ที่ Abu Dhabi 

ผลการทดสอบเป็นที่ยอมรับของทีมและพร้อมอ้าแขนให้แซนดี้เข้าร่วมสังกัด หากมีโอกาสขึ้นไปสู่ GP2 ซึ่งเป็นซีรีส์ที่รองลงมาจาก F1 แซนดี้ก็มีโอกาสที่ถูกแมวมองดึงตัวขึ้นไปสู่ F1 ได้ไม่ยากแต่ทว่าเงินสนับสนุนในการขึ้นสู่ระดับ GP2 นั้น เรียกได้ว่าต้องใช้จำนวนเงินมหาศาล และเกินกำลังที่จะสามารถเลื่อนชั้นขึ้นไปได้ 

มาในปี 2014 แซนดี้จึงตัดสินใจลงทำการแข่งขัน F3 อีกครั้งเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสนาม ซึ่งเป็นสนามระดับ F1 เช่นกัน จนสามารถครองตำแหน่งแชมป์ควบทั้ง European Formula 3 open และ Spanish Formula 3 ประจำปี 2014 มาได้ นับเป็นคนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ Formula 3 ถือเป็นการเปิดบันทึกหน้าใหม่ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย